วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 9 ขอบเขตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (The Scope of e-Commerce)





ความหมายและขอบเขตของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส 

1.นานาประเทศได้มีการนิยามความหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไว้แตกต่างกันไปตามจุดยืนของตน
2."พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" มีขึ้นมานานแล้ว เช่นการใช้โทรศัพท์สั่งซื้อสินค้าที่นิยมกันมาก่อนจะมีระบบอินเทอร์เน็ต
3.อินเทอร์เน็ตนั้น นับว่าเป็นสื่อธุรกิจที่สามารถรองรับการประกอบธุรกรรมแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกขั้นตอน นั่นคือ การผลิต การค้นหา การสั่งซื้อ การชำระเงิน และการนำส่ง สินค้าและบริการ
4.อินเทอร์เน็ตสามารถลดข้อจำกัดในการสื่อสารที่มีอยู่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบเดิม ทั้งยังช่วยเชื่อมประสานสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบเดิมๆที่มีอยู่หลายประเภทให้เข้ามาเป็นระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์ได้
5.อย่างไรก็ตาม ความหมายของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ควรจะกว้างขวางเพียงพอที่จะรองรับทิศทางการแข่งขันในอนาคต จึงไม่ควรจำกัดเฉพาะพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะมีความสำคัญมากก็ตาม


สรุปได้ว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คือ "การดำเนินธุรกิจโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์"
 
Electronic Commerce refers to "the carrying out of business activities through electronic means".
ความเคลื่อนไหวของต่างประเทศในการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.ประมาณการว่าในปี ค.ศ. 2000 จะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 300 ล้านคน
2.มีประเทศที่มีบริการอินเทอร์เน็ต 240 ประเทศจาก 250 ประเทศทั่วโลก
3.ปัจจุบันมีองค์กรระหว่างประเทศที่เคลื่อนไหวผลักดัน แนวทางการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อยู่หลายแห่ง ที่สำคัญคือ
WTO, OECD, APEC, UNCTAD, UNCITRAL, ITU, ASEAN
4.แนวทางการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในองค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้ มักจะสอดคล้องแนวทางของประเทศสหรัฐฯ
ที่ดำเนินการผลักดันอยู่อย่างแข็งขัน เช่น การไม่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีศุลกากรจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต


สถานภาพของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย (ข้อมูลถึงกลางปี 2541)
1.จำนวนสายโทรศัพท์12 สายต่อประชากร 100 คน
2.ประเทศไทยมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ทั้งสิ้น 16 ราย
3.จำนวนผู้จดทะเบียนชื่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไทยที่เป็น name.co.th มีทั้งสิ้น 2,300 ราย
4.จำนวนโฮสต์(Host)ในประเทศไทยที่เชื่อมกับอินเทอร์เน็ตมีทั้งสิ้น 36,734 ราย
5.ประมาณว่า มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ราว 400,000-600,000 ราย

ประเด็นสำคัญอันเนื่องมาจากการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.ประเด็นทางด้านการเงิน เช่น การจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีรายได้ การโอนและการชำระเงิน
2.ประเด็นทางด้านกฎหมาย เช่น การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ การกำกับดูแลเนื้อหาข้อมูลบางส่วน
3.ประเด็นทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศ เช่น การรักษาความปลอดภัยโดยใช้เทคโนโลยี มาตรฐานทางเทคนิค และ ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะ
4.ประเด็นด้านเศรษฐกิจมหภาค เช่น การจ้างงาน การพัฒนาบุคลากร การเสียดุลการค้า การเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรม เป็นต้น
5.ประเด็นด้านการค้าระหว่างประเทศ เช่น ระดับที่เหมาะสมในการเปิดตลาดเสรี ระบบที่ช่วยให้การค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นโดยสะดวก (Trade Facilitation)


สถิติตัวเลขของข้อมูลที่เกี่ยวกับอินเทอร์เนตคอมเมิร์ซ


สถิติของโลก
  • ประมาณการว่าในปี ค.ศ.2000 จะมีผู้ใช้อินเทอร์เนตประมาณ 300 ล้านคน
  • มีประเทศที่มีบริการอินเทอร์เนต 240 ประเทศจาก 250 ประเทศทั่วโลก
  • ทั่วโลกมีโดเมนเนมอยู่ประมาณ 3 ล้านชื่อ
  • สถานที่ตั้งของเวบไซต์ทั่วโลกนั้น 70% ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา 14%ในยุโรป 8%ในแคนาดา 5%ในเอเซียแปซิฟิก เป็นที่อื่นๆอีก3%
สถิติในประเทศไทย
  • จำนวนสายโทรศัพท์ต่อประชากร 100 คนเท่ากับ 12 สาย
  • ประเทศไทยมีผู้ให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 16 ราย รายละเอียดดูจาก THNIC
  • จำนวนผู้จดทะเบียนชื่ออินเทอร์เนตในประเทศไทยที่เป็น name.co.th มีทั้งสิ้น 2,300 ราย
  • จำนวนโฮสต์ในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 36,734 ราย
  • รายงานความก้าวหน้าและแผนการดำเนินงานการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
    จัดทำโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
    30 พฤศจิกายน 2541
    โครงการ
    รายละเอียด
    บริษัทเทรดสยามจำกัด
    (TradeSiam) ์ 
    บริษัทร่วมทุนของรัฐและเอกชน (สัดส่วน 49:51) ให้บริการอีดีไอเพื่อประโยชน์ในการค้าระหว่างประเทศ แก่กรมศุลกากรและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออก ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยได้คัดเลือกบริษัท GE-Siam Information Services ให้ทำหน้าที่บริหารโครงการ และใช้มาตรฐานสากล UN/EDIFACT ในการบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
    ระบบอีดีไอกรมศุลกากร
    (Customs Dept. EDI System) 
    ระบบอีดีไอภายในของกรมศุลกากร ซึ่งเริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2541 โดยในช่วงแรกใช้ในส่วนพิธีการสินค้าขาออกที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และจะขยายงานในส่วนที่การท่าเรือเป็นลำดับต่อไป
    อีดีไอ-คณะทำงานด้านการจัดซื้อของสภาแลกเปลี่ยนข้อมูลแห่งประเทศไทย
    (Purchasing Working Group of Thailand EDI Council) 
    ร่วมกับสถาบันสัญลักษณ์รหัสแท่งไทย (EAN Thailand) ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมการใช้บาร์โค้ด (Bar code) ร่วมกับอีดีไอ ในประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล จึงได้ตั้งคณะทำงานด้านการจัดซื้อขึ้น โดยมีสถาบันฯ เป็นเลขานุการประสานงานระหว่างกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องร่วมกันพัฒนาระบบ ขณะนี้ทางกลุ่มได้มีการใช้งานในส่วนของ ระบบใบสั่งซื้อ (Purchase order) และอยู่ระหว่างการพัฒนาในส่วนของ Invoice
    อีดีไอทางด้านการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับบริษัท เทรดสยาม จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริการอีดีไอ และทางธนาคารพาณิชย์บางแห่ง ร่วมกันทำการศึกษาในเรื่องการนำอีดีไอมาใช้ทางด้านการเงิน โดยในขณะนี้อยู่ในช่วงการเตรียมการจัดตั้งคณะทำงานร่วม (EDI Finance WG) เพึอนำระบบอีดีไอมาใช้งานอย่างครบวงจร ในการชำระเงิน ทั้งในส่วนของศุลกากร การคืนเงินภาษี หรือในกลุ่มด้านการจัดซื้อ สามารถนำข้อมูลอีดีไอที่มีอยู่แล้วมาส่งต่อในเรื่องการชำระเงินไปยังธนาคารได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลากระบวนการชำระเงินด้วยระบบเดิมอีก
    กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์โครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนการส่งออก มีการจัดตั้งคณะทำงาน 7 กลุ่ม ดังรายละเอียด
    1. ด้านจดทะเบียน ประชาสัมพันธ์ บริการสื่อสารและฝึกอบรม
    2. ด้านการตลาด
    3. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค
    4. ด้านภาษี
    5. ด้านการขนส่งและประกันภัย
    6. ด้านการชำระเงินและความปลอดภัย
    7. ด้านกฎหมายและลายเซ็น 

    นอกจากนี้ยังมีการสร้าง @mazing Mall เพื่อนำร่องการค้าครบวงจรจำนวน 100 รายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.thaiecommerce.net 
    โครงการพัฒนามาตรฐานสมาร์ตการ์ดสำหรับประเทศไทยโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 66 แห่งทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานพัฒนามาตรฐานสมาร์ตการ์ดสำหรับประเทศไทยขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2541 โดยแบ่งคณะทำงานออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
    1. กลุ่ม Identification Card
    2. กลุ่ม Non-Identification(anonymous) Card
    3. กลุ่ม Digital Signature
    4. กลุ่ม Certification Authority
    5. กลุ่ม Policy and Legal Issues
    ซึ่งขณะนี้ได้ยกร่างมาตรฐาน Public Key Infrastructure สำหรับประเทศไทย
    สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOIโครงการนำร่องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในการใช้ประโยชน์จากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่นโครงการโฮมเพจเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ พลาสติกและแม่พิมพ์ มีจำนวนประมาณ 3,000 ราย ลักษณะเป็น electronic catalogue โครงการคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งโครงการนี้จะขยายผลไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆต่อไป เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดย่อม โดยอาจเลือกอุตสาหกรรมหรือบริการที่มีศักยภาพในการส่งออก
    กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมข้อมูลการลงทุนอุตสาหกรรมที่น่าสนใจหรือข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับทางด้านอุตสาหกรรม เช่น http://www.dip.go.th/index-th.html
    การยกร่างกฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติอยู่ในระหว่างการยกร่างกฎหมายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึง
    • กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection)
    • กฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Crime)
    • กฎหมายอีดีไอ (EDI-related)
    • กฎหมายลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature)
    • กฎหมายโอนเงิน (Electronic Funds Transfer)
    • กฎหมายโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ (National Information Infrastructure) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 78

    สำหรับกระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานอนุญาโตตุลาการกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาและพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในเรื่องพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยยึดถือกฎหมายต้นแบบของสหประชาชาติ (UNCITRAL Model Law on Electronic Commerce)
    "โครงการไทยทัศน์"โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงไทยร่วมกับบริษัทการบินไทย ในโครงการการจองตั๋วเครื่องบินผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเที่ยวบินและที่นั่งได้จากอินเทอร์เน็ตและสามารถจองตั๋วได้เลย โดยผู้ที่จะใช้บริการได้ต้องเป็นผู้ที่ถือบัตรเครดิตของธนาคารกรุงไทยและทำการลงทะเบียนขอใช้กับทางธนาคารเรียบร้อยแล้ว
    โครงการบัตรสมาร์ตการ์ดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    (CU Smart Card)
    โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด โดยในชั้นต้นจะใช้เป็นบัตรนิสิตที่เก็บข้อมูลของส่วนตัวต่อไปจะใช้เป็นบัตรที่สามารถใช้ซื้อของภายในมหาวิทยาลัยได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น